แผลเป็นจากเลเซอร์และการดูแลผิวที่ถูกต้อง
การทำเลเซอร์ (Laser skin) เป็นกระบวนการดูแลผิวหนังอย่างหนึ่ง ที่นิยมนำมารักษากันอย่างแพร่หลายและค่อนข้างเป็นที่นิยม ด้วยความรวดเร็วและเห็นผลเร็ว การรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ คือการ ยิงแสงเลเซอร์ไปที่แผลหรือบริเวณที่ผิวมีปัญหา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างสีผิวใหม่หรือกระตุ้นแผลก้นหลุมสิวที่ลึกให้ตื้นขึ้นในกรณีรักษาหลุมสิว ทั้งเป็นการลอกผิวหนังออกทีละชั้น คล้ายการกรอผิว การยิงเลเซอร์ไม่เพียงแต่จะรักษาผิวหนังที่มีปัญหาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยในเรื่องการดูแลผิวพรรณให้ดูดียิ่งขึ้น เช่น พวกริ้วรอยเหี่ยวย่นตามผิวหนัง รอยดำจากสิว แผลหลุมสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระเนื้อ ปานดำปานแดง รอยแตกลายจากการที่ร่างกายขยายอย่างรวดเร็วหรือจากการตั้งครรภ์ ช่วยเรื่องการกำจัดขน ลบรอยแผลเป็นคีลอยด์ แม้กระทั่งลบรอยสักก็สามารถทำได้
การทำเลเซอร์สามารถดูผิวพรรณที่มีปัญหาได้ดังนี้
- เนื้องอกหลอดเลือด เส้นเลือดฝอยตามใบหน้าและร่างกาย
- รอยสักหรือสีผิวผิดปกติจากเม็ดสีผิว เช่น ฝ่าแดด ฝ่าเลือด รอยปาน
- กำจัดขนตามร่างกาย สำหรับผู้มีขนที่ดกหรือไม่ชอบให้มีขนตามร่างกาย
- แผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นที่นูนหนาขึ้นตามผิวหนังจากการเป็นแผล
- โรคมะเร็งผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน
- ปรับสภาพผิว ฟื้นฟูผิวให้ดูดี เรียบเนียนขึ้น รอยเหี่ยวย้นตามใบหน้าและใต้ตา
แต่กระนั้นการรักษาหรือดูแลผิวหนังด้วยเลเซอร์ก็มีผลข้างเคียงได้เช่นกัน เช่น การเกิดแผลหลังทำเลเซอร์ การตกสะเก็ดของแผล การบวมหลังทำ รอยดำ รอยแดงหลังการยิงเลเซอร์
ประเภทของแผลหลังจากการทำเลเซอร์ มี 3 ประเภท
- การทำเลเซอร์แบบไม่มีแผล เช่น เลเซอร์กำจัดขน เลเซอร์กระตุ้นการสลายไขมันใต้ผิว เซลลูไลต์ มักเป็นเพียงแค่รอยแดง หรือรอยช้ำ หลังจากการทำเลเซอร์รอยเหล่านี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว สามารถหายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรืออาจจะไม่เกิน1สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล
- การทำเลเซอร์แบบแผลน้อย เช่น การทำเลเซอร์แบบรักษาหลุมสิวเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวให้ผิวตื้นขึ้น หลังทำจะมีรอยแดงและแผลตกสะเก็ดขึ้นตามจุดที่ยิง รอยแผลสามารถหายได้ภายใน 5 – 7 วัน
- การทำเลเซอร์แบบเป็นแผล เช่น การยิงกำจัดไฝ กระเนื้อหรือการกรอหลุมสิว อาการที่พบหลังทำเลเซอร์ คือ เกิดการบวมแดงหรืออาจมีน้ำเหลืองซึมจากแผลตามการรักษาด้วยเลเซอร์บางชนิด จนเกิดสะเก็ดแผลและสะเก็ดแผลจะหลุดโดยใช้เวลา 7 – 10 วัน โดยผิวที่สะเก็ดหลุดนั้นจะมีสีชมพูระเรื่อทั้งแผล หรืออาจจะเป็นรอยดำบ้าง และใช้เวลานานหลายเดือนกว่าเม็ดสีผิวจะปรับเป็นสภาพเดิม อาจต้องใช้เวลา 3 – 4 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาหลังจากนั้น
การดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ที่ถูกต้อง
หลังการทำเลเซอร์เราจะรู้สึกแสบผิวเหมือนผิวไหม้แดด สามารถดูแลด้วยการประคบเย็นในช่วงแรกและหลีกเลี่ยงแดด หลังจากนั้นต้องคอยทาครีมลดรอยและครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพราะผิวหนังหลังจากทำเลเซอร์มักจะบางลงจนไวต่อแสงแดด จนสามารถทำให้แผลมีรอยดำชัดขึ้นได้ ควรใส่เสื้อผ้ามิดชิดแต่ไม่รัดแน่น กางร่มเสมอเวลาต้องเจอแดด จะช่วยให้แผลหายไวขึ้นและไม่ทิ้งรอย
สิ่งที่ไม่ควรทำหลังทำเลเซอร์
- ไม่ควรโดนน้ำ 1 วัน สำหรับเลเซอร์แบบมีแผล จะทำให้เกิดการติดเชื้อเกิดขึ้น
- ไม่ควรแกะแผลเด็ดขาด เพราะว่าจะทำให้แผลไม่หายและทิ้งรอยดำเอาไว้ และต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้รอยดำหายไป ควรให้สะเก็ดแผลหลุดเอง หากไม่หลุดภายใน 1 สัปดาห์ ก็ต้องรอจนกว่าจะหลุดเองจนหมด
- พยายามไม่ให้แผลโดดแดด เนื่องจากผิวยังบอบบางและไวต่อแสงแดดงดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์
- หากแผลไม่หายหรือรอยดำไม่จางลง ควรไปพบแพทย์หรือผู้ที่ทำการรักษา
ผลข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้นหลังการรักษาแผลเป็นด้วยเลเซอร์
- เกิดรอยแดง บวม ระคายเคือง
- เกิดสิว จากการที่อาจมีผ้าพันแผลหรืองดการล้างหน้า
- ติดเชื้อจากการดูแลแผลหลังทำไม่ดีและไม่ทานยาตามแพทย์สั่ง
- สีผิวเปลี่ยน ไม่สม่ำเสมอในช่วงแรก หากดูแลรักษาดีก็จะทำให้สีผิวกลับเข้าที่เร็ว
- เกิดรอยแผลเป็นถาวร สำหรับแผลที่เกิดูความเสียหายจากการทำเลเซอร์และมีขนาดใหญ่
Stratacel – รักษาแผลเป็นจากการเลเซอร์
สรุป
ทั้งนี้ยังพบว่าหลังการยิงเลเซอร์ ทำให้เกิดรอยแผลขาวเกิดขึ้น หลังจากการรักษารอยดำจางลงแต่รอยแผลขาวกลับชัดขึ้น ไม่กลับไปเป็นสีผิวปกติ มองดูภาพรวมแล้วค่อนข้างเหมือนรอยด่างขาว อาจทำให้เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณสำหรับบางคน แต่รอยขาวนี้ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เนื่องจากหลังทำเลเซอร์ ปริมาณเมลานินลดลงและผิวหนังถูกทำลายมากเกินไป จึงทำให้เกิดรอยแผลแบบนี้ได้ ดังนั้นต้องขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ผู้รักษา ว่าจะทำยังไงให้เกิดผลกระทบหรือทำให้เกิดรอยแผลน้อยที่สุด
การรักษาด้วยเลเซอร์ เป็นเรื่องของความรวดเร็วในการรักษาและสามารถเห็นประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการรักษารอยแผลหรือรอยผ่าตัดให้เรียบเนียนไปกับผิว เพราะการที่เห็นผลไว เครื่องมือที่มีราคาสูง เทคนิคของแพทย์ ราคาการรักษาก็ย่อมสูงตามมา แต่การรักษาบางอย่าง เช่นผิวพรรณหรือจุดเล็กๆ ก็ไม่ได้มีราคาแพงเกินไป สามารถจ่ายได้ในบุคคลที่มีสภาพเงินคล่อง แต่การที่จะให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี 100 เปอร์เซ็นต์นั้น คงต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องเสียเงินฟรีเพราะรักษาไม่ต่อเนื่องนั่นเอง