เซ็บเดิร์ม รักษาให้ดีขึ้นได้แค่ไหน และควรดูแลตนเองอย่างไร
ปัญหาโรคผิวหนังเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน ทั้งรู้สาเหตุและไม่รู้สาเหตุ เซ็บเดิร์ม ถือเป็นหนึ่งในอาการของโรคผิวหนังที่สามารถพบได้จากปัจจัยหลายสาเหตุ เช่น สภาพอากาศที่ร้อนจัดของเมืองไทย, ความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนในร่างกาย, ผิวหนังติดเชื้อราหรือเชื้อยีสต์บางตัว เป็นต้น แม้สาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัดและยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่เซ็บเดิร์ม รักษาให้ดีขึ้นได้เพื่อลดความกังวลใจ ลองมาเรียนรู้และเข้าใจวิธีรักษาเซ็บเดิร์มกันให้มากขึ้นดีกว่า
เซ็บเดิร์ม คืออะไร
เซ็บเดิร์มคืออาการของโรคผิวหนัง มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า Seborrheic Dermatitis เป็นสภาวะของต่อมไขมันบริเวณชั้นผิวหนังทำปฏิกิริยาบางอย่างกับร่างกายจนเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น โรคนี้จัดเป็นกลุ่มอาการโรคเรื้อรังจึงทำให้เซ็บเดิร์ม รักษาได้ยากกว่าโรคผิวหนังทั่ว ๆ ไป แม้จะไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้ป่วยหนักหรือเสียชีวิต แต่ส่งผลถึงสภาพจิตใจจนทำให้หลายๆ คนที่ป่วยด้วยโรคนี้ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้อื้นเพราะความอาย
อาการของเซ็บเดิร์มจะมีลักษณะผื่นขึ้นตามผิวหนังบนร่างกายโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและจุดใกล้เคียง เช่น หลังใบหู, ด้านข้างของจมูก, บริเวณหัวคิ้ว, หนังศีรษะ เป็นต้น มักมีอาการคันร่วมด้วย แต่ถ้ารายที่เป็นหนักๆ ก็อาจเกิดผื่นแดงๆ ขึ้นเยอะมากตามหน้าอก ลำตัว รวมถึงใบหน้าเป็นขุย กลุ่มวัยที่มักมีอาการนี้ได้แก่เด็กทารก หรือช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตจากวัยเด็กสู่วัยรุ่น ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัดต่อมไขมันในชั้นผิวหนังจะผลิตไขมันออกมาจำนวนมากจนทำให้เซ็บเดิร์มเกิดขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงเวลาที่อากาศหนาว ส่งผลให้ผิวแห้งจนไปกระตุ้นก่อให้เกิดโรคดังกล่าวนี้ได้เหมือนกัน
เซ็บเดิร์มรักษาที่ไหนดี? มีวิธีรักษาเซ็บเดิร์มให้หายขาดหรือไม่?
อย่างที่กล่าวไปว่าปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิวัฒนาการด้านการแพทย์ทางใดที่สามารถช่วยให้เซ็บเดิร์ม รักษาได้อย่างหายขาด แต่ทั้งนี้ก็ยังพอมีวิธีรักษาเซ็บเดิร์มเพื่อให้อาการทุเลาลง หลักการง่าย ๆ ก็คือ เมื่อถามว่าเซ็บเดิร์มรักษาที่ไหนดี ก็ต้องไปตามคลินิกผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคนี้แบบเฉพาะทาง โดยแพทย์จะมีการให้ยาบางตัวมาทา และแนะนำวิธีปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำขึ้นมาบ่อย ๆ โดยวิธีดูแลตนเองสามารถทำได้ดังนี้
– ไม่พยายามพาตนเองเข้าไปอยู่บริเวณที่มีอากาศร้อนจัด / หนาวจัด
– เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ต้องสัมผัสกับร่างกายให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง
– พักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน อย่างน้อยควรนอนหลับวันละ 6-8 ชั่วโมง
– เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดอาหารประเภทไขมัน เพราะจะทำให้ต่อมไขมันในร่างกายผลิตออกมาเยอะขึ้นกว่าเดิม
– พยายามไม่ทำให้ตนเองมีความเครียด หรืออาการเครียดสะสมในร่างกาย
อย่างที่กล่าวไปว่าโรคนี้ยังไม่มีวิธีในการรักษาให้หายขาด แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ป่วยหนักหรือเสียชีวิต หากพบว่าตนเองเริ่มมีลักษณะบ่งชี้อาการของโรค หรือไม่แน่ใจว่าผื่นเม็ดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายจะใช่หรือไม่ แนะนำว่าควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะได้คำตอบแน่นอนที่สุด
Stratacel – รักษาแผลเป็นจากการเลเซอร์
แนะนำวิตามินรักษาเซ็บเดิร์ม บรรเทาอาการของโรคให้ดีขึ้น
แม้ว่าเซ็บเดิร์มจะยังคงรักษาไม่หายขาด แต่ก็มีวิธีรักษาเซ็บเดิร์มที่ช่วยให้อาการเบาบางลงได้จริง เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น จึงขอแนะนำวิตามินรักษาเซ็บเดิร์มอย่าง Stratacel โดดเด่นด้วยส่วนประกอบหลักไม่ว่าจะเป็น Polydimethlysiloxane Aklymethysiloxane และ Siloxane ซึ่งเป็นซิลิโคนเจล 100% ผ่านการจดทะเบียนเครื่องมือทางการพแพทย์สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ ผลิตภัณฑ์ถูกต้องตามกฎหมาย ช่วยบรรเทาอาการเซ็บเดิร์ม รักษาผิวตามจุดต่าง ๆ ที่เกิดผื่นขึ้นในร่างกาย ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่สังเกตว่าเริ่มมีอาการเกิดขึ้น ด้วยเนื้อเจลที่มีความบางเบาสำหรับสาว ๆ ที่มีเซ็บเดิร์มเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า
เมื่อทาตัวนี้เข้าไปแล้วก็ยังแต่งหน้าได้ตามปกติ นอกจากช่วยรักษาอาการของโรคนี้แล้ว ยังส่วนช่วยบรรเทาแผลที่มีขนาดตื้น รักษาแผลหลังผ่านการทำเลเซอร์ผิวหนัง อาทิ กำจัดขน, กำจัดหนวด, กระชับช่องคลอด, การลบริ้วรอย รอยสิวต่าง ๆ ด้วยเลเซอร์ จึงถือว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณหลากหลาย เห็นผลรวดเร็วเมื่อเริ่มใช้งาน ไร้ค่า PH จึงไม่มีปัญหาเรื่องอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง เริ่มต้นดูแลตนเองเพื่อให้อาการของโรคทุเลาลงด้วย Stratacel มี 2 ขนาดให้เลือกคือ 10 กรัม ราคาเพียง 1,130 บาท และขนาด 20 กรัม ราคา 2,250 บาท เท่านั้น เติมเต็มความมั่นใจในการใช้ชีวิตทุก ๆ วันให้มากขึ้น ลดการเกิดโรคและผสานผิวพรรณให้เนียนสวยได้อีกครั้งเพียงแค่ใช้เป็นประจำ
ทั้งนี้วิธีสังเกตว่าตนเองมีอาการเซ็บเดิร์มหรือไม่ ให้ดูบริเวณผิวหนังตามร่างกายโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำตัว ข้างจมูก หลังใบหู หัวคิ้ว หากมีลักษณะเป็นผื่น มีอาการคัน แนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์เพราะอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในทางกลับกันโรคดังกล่าวก็อาจเป็นโรคที่เข้าไปแทรกซ้อนกับผู้ป่วยที่มีโรคอื่น ๆ อยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วย HIV, โรคเกี่ยวกับระบบประสาทบางชนิด, โรคพาร์กินสัน หรือมีผู้ป่วยต้องใช้ยาบางชนิดเป็นประจำก็อาจก่อให้เกิดโรคนี้ได้ด้วย