ปัญหาปัจจุบันที่ประเทศไทยประสบอยู่ตอนนี้คือฝุ่น PM 2.5 ที่ไม่ใช่เพียงแต่จะทำลายระบบของเราภายในร่างกาย งั้นเรามาทำความรู้จักกับฝุ่น PM 2.5 ว่ามันเกิดจากอะไร และมีความอันตรายต่อร่างกายได้ขนาดไหนหากมันเข้าสู่ร่างกายของเรา
PM 2.5 ละอองฝุ่นที่เป็นมลภาวะทางอากาศ ทุกวันนี้เรายังสามารถพบเจอละอองฝุ่นเหล่านี้ ได้ตามสถานที่ต่างๆครอบคลุมทุกที่ จะหนาแน่นหรือเบาบางก็แล้วแต่สถานที่และสภาพแวดล้อมเป็นหลัก ส่วนใหญ่ที่พบเจอมักเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยควัน มีการเผาไหม้หรือเมืองใหญ่ๆที่มีการสัญจรอย่างหนาแน่น ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ประสบปัญหาค่าฝุ่น pm 2.5 สูงติดอันดับต้นๆของโลกจากการจัดอันดับดัชนีคุณภาพทางอากาศ นั่นคืออันดับที่ 3 เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งตอนนี้ก็ขยับขึ้นสูงเรื่อยๆจนน่าตกใจ เนื่องจากการที่มีการสัญจรหนาแน่นจนเกินไป มลภาวะทางอากาศก็เลยเกิดขึ้นได้ง่าย ฝุ่นเหล่านี้จึงสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายเช่นเดียวกัน โดยผ่านทางผิวหนัง จนก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของเราจากการสะสม เพื่อป้องกันเราจึงมักเห็นผู้คนสวมใส่แมสเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนอยู่ตลอดเวลา
ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร
ฝุ่น PM คือฝุ่นละอองทางอากาศที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนตร์ การก่อสร้าง เผาทำลายป่า อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ฝุ่น pm 2.5 เป็นฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากๆ และเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตร เล็กชนิดที่ว่าสามารถเข้าสู่ร่างกายได้เอง โดยสามารถลอยตามอากาศเข้ามาผ่านชั้นกรองของแมส ผ่านขนจมูกเพื่อเข้าสู่ปอด ผ่านรูขุมขนแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิว จึงต้องสวมใส่แมสเฉพาะที่สามารถป้องกันฝุ่น pm ได้ด้วย
ฝุ่น PM 2.5 สาเหตุเกิดจาก
- เผาป่า ไฟป่า – ไฟป่าที่เกิดเองตามธรรมชาติ หรือจากฝีมือมนุษย์ เพื่อวัตถุประสงค์ ก็เป็นเหตุทำให้เกิดค่าฝุ่นได้เหมือนกัน
- การก่อสร้าง – จากการสร้างตึก ถนน การขุดเจาะก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดฝุ่นละเอียดได้
- การผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรม – เป็นพื้นที่ที่ปล่อยมลพิษทางอากาศมากที่สุด ไอเสียจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ทำให้เกิดก๊าซพิษหลายชนิดล่องลอยขึ้นไปอยู่บนชั้นบรรยากาศ เกาะตัวหนาเป็นค่าฝุ่น pm
- การคมนาคม – ควันที่เผาไหม้จากเครื่องยนตร์ ควันจากท่อไอเสีย ที่มีการคมนาคมหนาแน่นตามเมืองใหญ่ๆ
- กิจกรรมอื่นๆ – สูบบุหรี่ จุดพลุ ทำอาหารปิ้งย่าง แม้เป็นกิจกรรมเล็กๆ ดูเหมือนไม่ก่อให้เกิดอะไร แต่สามารถก่อให้เกิดค่าฝุ่นละอองในอากาศได้เช่นกัน หากมีการทำในปริมาณที่มากๆ
ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายผิวของเราอย่างไร
ไม่เพียงแต่การสูดดมฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย จนทำให้เกิดผลเสียต่อปอด ท่อหลอดหายใจ จนกลายเป็นโรคหอบหืด โรคมะเร็งปอด โรคหลอดลมอักเสบเท่านั้นนะ แต่ก็เกิดผลเสียต่อผิวได้ด้วยเช่นกัน เพราะผิวคือปราการด่านแรกที่ต้องเผชิญกับฝุ่นเหล่านี้ และแน่นอนว่าสามารถทำร้ายผิวภายนอกเราได้ ไม่ใช่แค่เพียงผิวภายในและอวัยวะภายในร่างกายเพียงแค่นั้น
อย่างแรกคือ ฝุ่นจะทำให้เกิดสารแอนตี้ออกซิแดนท์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเซลล์ผิวหนังของคนเราจะโดนทำร้ายทั้งชั้นนอกและชั้นใน พร้อมกับสูญเสียโปรตีนในเซลล์ผิว ทำให้ผิวหนังเกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ริ้วรอยมา ผิวเหี่ยวก่อนวัย
ต่อมาที่มักพบเจอ คือ อยู่ๆก็เกิดสิวขึ้นตามใบหน้า ตามบริเวณที่ฝุ่นสัมผัส เนื่องจากเกิดการอุดตันตามรูขุมขน จุดด่างดำชัดขึ้นแม้ทาครีมกันแดด ลามไปถึงโรคมะเร็งผิวหนัง โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ที่เกิดการสะสมมากๆของฝุ่นอันตรายนี้
การปกป้องผิวจากฝุ่น PM 2.5
- หลังจากผิวได้เผชิญกับฝุ่น ควรต้องทำความสะอาดผิว โดยใช้คลีนซิ่งเช็ดคราบสกปรกออก แล้วล้างหน้าให้สะอาดอย่างหมดจด จะได้ไม่เกิดการอุดตันของรูขุมขน สาเหตุของการเกิดสิวและการอักเสบของผิวหนัง
- สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น PM ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ใส่ให้ชิดใบหน้า ใส่ให้ถูกวิธี กันการเล็ดลอดของฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย
- ใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด เลี่ยงการโดนสัมผัสจากฝุ่นโดยตรงเมื่อต้องออกไปข้างนอก
- ทาครีมบำรุงผิว ให้ผิวชุ่มชื่นอยู่เสมอ เป็นการเซฟและเคลือบผิวชั้นนอก ทำตัวเสมือนปราการป้องกันฝุ่นสัมผัสเข้าสู่ผิวโดยตรง ไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปทำลายเซลล์ผิว
- หลีกเลี่ยงการออกไปเผชิญฝุ่น โดยใช้เครื่องฟอกอากาศ ฟอกฝุ่นภายในบ้าน
- ดูแลสภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพออยู่เสมอ
- ทานอาหารเสริมเพื่อป้องกันสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มีผลต่อการทำร้ายผิว
- ให้ธรรมชาติบำบัดทางอ้อม การไปสูดอากาศธรรมชาติหรือหาอากาศบริสุทธิ์จากการไปพักผ่อนก็มีส่วนช่วย ทั้งสภาพจิตใจที่ดีขึ้น ร่างกายก็รู้สึกดีขึ้นตาม
แม้การปกป้องผิวจะสามารถทำได้ แต่หากสภาพแวดล้อมและมลภาวะทางอากาศยังคงเหมือนเดิม เราก็คงทำได้เพียงป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดอันตรายไปมากกว่านี้ แต่ถึงจะป้องกันดีอย่างไร ฝุ่นอันตรายเหล่านี้ก็ยังสามารถทำร้ายผิวและร่างกายของเราได้เสมอ ถ้าหากป้องกันได้ไม่ดีพอ ดังนั้นเราจึงต้องหลีกเลี่ยงการเจอฝุ่นและมลภาวะ หากทำได้ผลเสียที่ตามมาก็จะน้อยตามไปด้วย ไม่ต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาซึ่งจะเป็นการยุ่งยากและเสียเวลาชีวิตไปอีก แต่ถ้าหากไม่ป้องกันเลย การสะสมของฝุ่นที่เข้าสู่ร่างกายทุกวันๆ จะไหลเข้าสู่กระแสเลือดไปหาอวัยวะอื่นๆ จนท้ายที่สุดจะทำการรักษาก็สายไปเสียแล้ว