การอักเสบของผิวหนังของคนเรานั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ผิวหนังที่แห้งจนเกินไป พันธุกรรมที่ส่งต่อ หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมรอบข้างก็มีส่วน แล้วแต่ละส่วนที่เกิดอาการก็มักจะมีระดับการอักเสบที่แตกต่างกันออกไป ทั้งอาจมีโรคที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังมาร่วมด้วย
โรคที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังโดยตรง ได้แก่ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคระคายเคืองสัมผัส โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มใส โรคผื่นผิวแห้ง โรคเหล่านี้พบเจอได้บ่อยสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีผิวหนังอ่อนแอจากภูมิคุ้มกัน
อาการ
ลักษณะอาการที่พบเจอเมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบนั้นมีตั้งแต่ระดับเบาๆ จนลุกลามไปถึงขั้นรุนแรง ส่วนมากผื่นคันจะเป็นอาการแรกๆที่ผู้ป่วยมักสังเกตุเห็น จากนั้นเริ่มมีอาการบวมแดงตามผิวหนัง และอาการที่รุนแรงมากกว่านั้น คือ จะมีแผลพุพอง เป็นหนอง มีเลือดออก จนกระทั่งตกสะเก็ดเป็นแผลเป็น ซึ่งจะฝากรอยดำตามร่างกาย อาจใช้เวลานานกว่าจะหายดี จนกระทั่งกระทบความสวยความงามของผิวพรรณที่ใครหลายคนอาจไม่ชอบใจนัก
วิธีป้องกันและรักษา
ว่าด้วยเรื่องการป้องกัน หากเป็นผู้ป่วยปกติ จากการผิวแห้ง หรือสัมผัสฝุ่นจนระคายเคือง ซึ่งเกิดขึ้นในระดับที่เบากว่า ก็จะมีวิธีป้องกันที่ง่ายกว่ามาก แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือมีโรคผิวหนังแทรกซ้อน การป้องกันอาจต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ช่วยรักษาและใช้ยาร่วมด้วย
1. ประคบเย็นทันทีที่มีการระคายเคืองและมีอาการบวมแดง
2. หลีกเลี่ยงการแกะเกาที่จะทำให้แผลนั้นเกิดการติดเชื้อ
3. ใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ควบคู่กับการทาผิว เพื่อฟื้นฟูสภาพผิวแห้งตึงและเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิว
4. ไม่อาบน้ำอุ่น หรือใช้เวลาในการอาบนานเกินไป และใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว
5. สวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว เช่น ผ้าฝ้าย
6. หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สารก่อภูมิแพ้
7. การใช้ ยาต้านในการรักษา, ยาแก้อักเสบ เช่น ไฮโดรคอร์ติซอล, ยาแก้แพ้ เช่น ไดเฟนไฮดรามีน และ ยากดภูมิคุ้มกันของร่างกาย (ต้องใช้ตามคำแนะนำของแพทย์)
8. การรักษาด้วยแสง หรือรังสีอัลตราไวโอเลต
การรักษารอยดำ
ส่วนวิธีรักษารอยดำ ควรให้แผลหายดีเสียก่อน จึงค่อยทำการรักษา เพราะหากทำการรักษาในขณะที่แผลยังไม่หายสนิท จะทำให้เกิดการติดเชื้อและเกิดแผลเป็นชัดมากขึ้น วิธีที่นิยมใช้ มักจะใช้ครีมทารอยดำที่มีส่วนผสม ช่วยลดระดับเม็ดสีผิวให้ดีขึ้น หรือการทำเลเซอร์ก็นิยมเช่นกัน และหมั่นทาครีมกันแดดอยู่เสมอ ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง อาจต้องทำการรักษาโดยแพทย์อย่างจริงจังเสียก่อน กว่าจะรักษาหายอาจต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควร
การอักเสบของผิวหนัง หรือโรคที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่โรคติดต่อแต่อย่างใด เพียงแค่ผู้ป่วยมักจะมีอาการจนรู้สึกรำคาญตนเอง และอาจสูญเสียความมั่นใจไปบ้างในการเข้าหาผู้อื่น หรือตรงกันข้ามผู้อื่นอาจเกิดความรังเกียจ เพราะคิดว่าเป็นโรคติดต่อ ทั้งนี้การมีความอดทนในการรักษาและป้องกันจะช่วยให้สภาพผิวดีขึ้น จนกระทั่งหายดีในที่สุด
