ไฝหรือขี้แมลงวันเป็นปัญหาจุดสีบนผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของเมลาโนไซต์ ถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด ซึ่งอาจสร้างอุปสรรคต่อความสวยงาม โหงวเฮ้ง หรือหากมีการเปลี่ยนสี ขยาย หรือเป็นแผล อาจเป็นจุดกำเนิดของมะเร็งผิวหนังได้ โดยวิธีที่นิยมใช้กำจัดในปัจจุบันคือ คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์
หลายคนคงจะเจอปัญหาไฝและขี้แมลงวัน เป็นจุดด่างดำบนผิวหนังไม่ว่าจะจำนวนน้อยหรือมาก ซึ่งมีผลต่อความสวยความงาม หรือความเชื่อในเรื่องของโชคลาภโหงวเฮ้งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากมีความเชื่อว่าไฝหรือขี้แมลงวันเป็นกาลกิณี ก็จะต้องมีการกำจัดออก แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังมากกว่านั้นคือทั้งไฝและขี้แมลงวันอาจเป็นจุดกำเนิดของโรคมะเร็งผิวหนังได้
ไฝและขี้แมลงวัน คืออะไร?
ไฝ (Mole) และขี้แมลงวัน (Fleck) มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เป็นจุดด่างดำ หรือจุดสีขนาดเล็กบนผิวหนัง โดยไฝจะมีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวหนัง ในขณะที่ขี้แมลงวันจะแบนราบไปกับผิวหนัง ซึ่งขี้แมลงวันถูกจัดว่าเป็นไฝชนิดหนึ่ง
ทั้งสองอย่างนี้สามารถปรากฎได้ทุกที่บนผิวหนัง มักมีสีน้ำตาล มีขนาดและรูปร่างแตกต่างกันออกไป ซึ่งจุดสีน้ำตาลเหล่านี้เกิดจากเมลาโนไซต์ (Melanocytes) ซึ่งเป็นเซลล์ผิวที่สร้างเม็ดสีเมลานินในขั้นหนังกำพร้ามีความผิดปกติหรือมีการผลิตเม็ดสีพิเศษขึ้นมา เมื่อมีเซลล์เม็ดสีมากขึ้นจึงทำให้กลายเป็นไฝได้ มักเกิดกับคนผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำ
ไฝอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด ค่อยๆเพิ่มจำนวนและขนาดขึ้น โดยส่วนใหญ่จะปรากฎในช่วง 20 ปีแรกของชีวิต มักมีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรขึ้นไป มีสีเข้ม หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นภายหลังจากการโดนแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นในระยะเวลานาน และการตั้งครรภ์ โดยเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป ไฝจะเกิดการฝ่อ มีขนาดเล็กลง และอาจหายไปเองได้
ไม่มีอะไรต้องกังวล เว้นแต่ว่าไฝหรือขี้แมลงวันนั้นเปลี่ยนขนาดรูปร่างหรือสี โตเร็ว หรือแตกเป็นแผล จะต้องทำการปรึกษาแพทย์ผิวหนังในทันที เพราะอาจเป็นจุดกำเนิดของโรคมะเร็วผิวหนังได้
ไฝและขี้แมลงวันแบบไหน ที่ควรกำจัดออก?
ไฝที่ควรกำจัดออกแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ไฝหรือขี้แมลงวันที่มีการเปลี่ยนแปลงสีหรือขนาดอย่างรวดเร็ว มีเลือดออก มีอาการคันหรือสีไม่เสมอกัน อาจกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งยังไม่สาเหตุที่แน่ชัดนัก แต่มักจะเกิดจากการที่ผิวหนังถูกกระตุ้นด้วยแสงแดดจัด เสียดสี หรือถูกสารเคมี เป็นเวลาต่อเนื่องนานหลายปี ซึ่งควรจะมีการพบแพทย์เพื่อตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา
- ไฝที่ขัดต่อความสวยความงาม หรือขัดกับโชคลาภโหงวเฮ้ง
การรักษาไฝและขี้แมลงวันต้องทำอย่างไร?
หากเป็นไฝทั่วไปหรือขี้แมลงวันที่ไม่พึงประสงค์ มีผลต่อความสวยงาม ขัดกับโชคลาภโหงวเฮ้ง อยากกำจัดออกก็สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
- การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery) เพื่อกระตุ้นให้ไฝหรือขี้แมลงวันแห้งและสลายตัวไป ซึ่งไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
- การแต้มยาที่มีส่วนผสมของกรด Trichloroacetic Acid (TCA) กัดกร่อนให้หลุดออกมา หากใช้ไม่ถูกวิธีอาจก่อให้เกิดการกัดทำลายผิวบริเวณโดยรอบ จึงไม่เป็นที่นิยมมากนัก
- หรือการใช้วิธี คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser) ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นการใช้ความร้อนสูงจี้ไฝและขี้แมลงวันออก ทำให้ของแข็งระเหิดกลายเป็นไอ ใช้เวลาในการเลเซอร์น้อย ไม่เจ็บ ละเอียด แม่นยำ และสามารถทำได้หลายจุดในครั้งเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยวิธีไหน คุณควรที่จะต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการรักษาไฝและขี้แมลงวัน เพื่อไม่ให้เกิดแผลหลุม และใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษา ไม่ควรรักษาโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ เช่น จี้ที่ร้านเสริมสวยหรือตามตลาดนัด
ดูแลรักษาแผลจากการทำคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ได้อย่างไร?
การรักษาด้วยวิธีคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์นั้น จะมีแผลสะเก็ดเล็กๆอยู่ประมาณ 5-7 วัน ซึ่งแพทย์จะให้ยาทาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และติดพลาสเตอร์ป้องกันแผลโดนน้ำไว้ โดยจะต้องหลีกเลี่ยงการโดนน้ำ 24 ชั่วโมง ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ และทายาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการอักเสบ
หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการโดนแดด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดโอกาสแผลเกิดรอยคล้ำ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางบริเวณที่ทำเลเซอร์จนกว่าแผลจะหาย โดยรอยแผลจะหายไปใน 3-4 สัปดาห์
แต่หากเกิดรอยแผลเป็นจากการเลเซอร์ ควรใช้ครีมหรือเจลลดรอยแผลเป็นช่วยรักษา เช่น Stratacel จาก Cereste ที่ทำหน้าที่เป็นฟิล์มเคลือบผิว ป้องกันน้ำ สิ่งสกปรก หรือสารเคมีที่อาจเข้าสู่ชั้นผิว ช่วยป้องกันการเติบโตของแบคทีเรีย และช่วยรักษาความชุ่มชื่นของแผลไว้
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและรู้วิธีการรักษาปัญหาไฝหรือขี้แมลงวันได้มากขึ้นนะคะ ซึ่งหากคุณรักษาได้อย่างถูกต้อง คุณจะได้ผิวที่ปราศจากจุดสี รอยแผล สวยงาม ตามความเชื่อโหงวเฮ้งแน่นอนค่ะ
