ที่ผ่านมา หลายคนอาจเคยได้ยิน เรื่องการทานอาหารหลังการผ่าตัด หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับร่างกาย สิ่งที่ทานได้เพื่อให้แผลหายเร็วนั้น หลายคนคงทราบดี แต่สิ่งที่เมื่อทานไปแล้วเกิดผลเสียต่อบาดแผล ทำให้บาดแผลหายช้า ที่หลายคนมักพูดกันติดปากอยู่เสมอว่า ของแสลง แท้จริงแล้วของแสลงที่ว่ามันคืออาหารประเภทใดกันแน่
ทั้งนี้หลายคนที่มีบาดแผลสด ถูกห้ามไม่ให้ทานไข่ เพราะมีความคิดหรือถูกบอกต่อๆกันมาว่า การทานไข่ทำให้เกิดแผลนูนบริเวณแผล พอแผลหายจึงกลายเป็นแผลเป็นนูนน่าเกลียด จริงๆแล้ว ไข่ไม่ใช่ประเภทของอาหารแสลง แต่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื้อของบาดแผล ช่วยให้แผลฟื้นฟูเร็ว เช่นเดียวกับโปรตีนอื่นๆ และไขมันที่ดี ที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งอาหารแสลงจริงๆ มีอยู่เพียงไม่กี่อย่าง และแต่ละอย่างก็เป็นอาหารประเภทที่พอเราได้อ่าน ก็จะเข้าใจได้ในทันทีว่า ทำไมถึงถูกห้ามไม่ให้รับประทานนั่นเอง
อาหารแสลงมีอะไรบ้าง และทำให้เป็นแผลเป็นจริงหรือ
อาหารแสลงแท้จริงแล้ว คืออาหารประเภทที่ทานแล้วทำให้บาดแผลสดนั้นเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือหายช้า และอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ด้วย ซึ่งอาหารแสลงที่แพทย์ไม่ให้รับประทาน ได้แก่
- อาหารหมักดอง อาหารประเภทนี้มักใช้เวลาในการหมักดองเป็นเวลานาน ค่อนข้างที่จะไม่สะอาด หากทานอาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้
- อาหารสุกๆดิบๆ ไม่เหมาะที่จะทานเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่สะอาดแล้ว ยังเสี่ยงต่อพยาธิที่ติดมาจากการปรุงไม่สุกอีกด้วย
- หน่อไม้ดองหรือหน่อไม้ดิบ ที่จริงแล้วเป็นอาหารที่สามารถทานได้ แต่ต้องทานในปริมาณที่พอดี และต้องมาจากแหล่งผลิตที่สะอาด ปลอดภัย
- อาหารทะเล สามารถทานได้ เพียงแต่งดทานสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ เพราะหากมีทั้งบาดแผล และอาการแพ้ในคราวเดียวกัน คงไม่ใช่เรื่องดีที่แผลอาจเกิดการลุกลามจากการทานอาหารทะเล
- อาหารเสริมทุกประเภท ให้งดทานในขณะรักษาบาดแผล
- เหล้า เบียร์ บุหรี่ และแอลกอฮอร์ทุกประเภท ควรงดเป็นเวลา 1 เดือนถ้าทำได้ เพราะการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้แผลเกิดการอับเสบและหายช้า
แน่นอนว่า กว่าแผลสดที่ได้มา จะหายกลายเป็นปกติได้นั้น ย่อมใช้เวลาในการสมานแผลเข้าด้วยกันจนกว่าจะหายดี การทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้บาดแผลนั้นหายเร็วขึ้น ดังนั้น หลังจากกลับบ้านไป เราสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ง่ายๆ เพียงเลือกทานอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการทานของแสลงทุกประเภท ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ ทำตามคำแนะของแพทย์อย่างเคร่งครัด จนกว่าบาดแผลนั้นจะหายดี จึงจะถือว่าผ่านระยะปลอดภัยแล้ว