ในปัจจุบันมีนวัตกรรมมากมายในการทำศัลยกรรมจมูกซึ่งไม่ใช่เพียงการใส่ซิลิโคนเข้าไปเท่านั้น และวิธีนี้ที่คนพูดถึงมากที่สุด คือ การใช้กระดูกอ่อนหลังหู เป็นการนำเนื้อเยื่อของร่างกายร่วมกับซิลิโคนนำมาตกแต่งทรงปลายจมูกและทรงจมูกให้สวยโด่งธรรมชาติ หรือการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงแทนการใช้ซิลิโคน
กระดูกอ่อนหลังหูและกระดูกอ่อนซี่โครงความแตกต่าง
หากต้องการปลายจมูกไม่ให้บางควรใช้กระดูกอ่อนหลังหูร่วมกับซิลิโคน แต่หากไม่ต้องการใช้ซิลิโคนสามารถใช้กระดูกอ่อนซี่โครงแทน เพราะจะแข็งกว่ากระดูกอ่อนหลังหูหากต้องการจัดทรงจมูกในบางส่วนเช่นบริเวณสันจมูกหรือแกนจมูก การใช้กระดูกอ่อนซี่โครงจะแข็งกว่าทำให้จัดทรงง่ายนั้นเอง
วิธีการนำกระดูกอ่อนมาใช้
การผ่าตัดโดยใช้กระดูกอ่อนซี่โครง
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงเป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้เทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิด หรือ แบบโอเพ้น(Open Rhinoplasty) เพื่อเสริมบริเวณที่ต้องการ เป็นวิธีการแก้ไขจมูกที่ซิลิโคนไม่สามารถทำได้ โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลใต้ราวนมยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร เพื่อผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงอ่อนมาประมาณ 1-2 ซี่ และนำกระดูกมาเหลาให้ได้ทรงตามที่คนไข้ต้องการ
การผ่าตัดโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหู
เนื่องจากการผ่าตัดนั้นเป็นการผ่าตัดใหญ่ และยากกว่าการเสริมจมูกแบบซิลิโคนธรรมดา การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูโดยแผลผ่าตัดจะซ้อนอยู่ตรงลอยพับของใบหูซึ่งจะยากต่อการสังเกตโดยแผลด้านหลังหูบริเวณที่นำกระดูกอ่อนออกไปคือบริเวณแอ่งโค้งของใบหู (Concha) ซึ่งการนำกระดูกอ่อนหลังหูออกมาในปริมาณที่เหมาะสมจะไม่ทำให้รูปทรงของหูผิดรูป วิธีผ่าเป็นการใช้การผ่าตัดกระดูกอ่อนที่ปลายจมูกทางขวางตรงกลางระหว่างจมูกสองข้าง
เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูและกระดูกอ่อนซี่โครงเหมาะกับใคร
สำหรับการเสริมจมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนหลังหูและกระดูกอ่อนซี่โครง เป็นอีกเทคนิคที่ทางการแพทย์เลือกใช้ให้กับคนที่มีปัญหาเนื้อปลายจมูกน้อย และสำหรับคนที่ไม่ต้องการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนแต่เป็นการเสริมจมูกด้วยการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงแทน หรือการเคลื่อนย้ายกระดูกอ่อนบริเวณหลังใบหูมา
รองไว้ที่ล่องปลายจมูกให้ดูสวยและพุ่งขึ้น ซึ่งในกรณีที่จะใช้เทคนิคเหล่านี้มาเสริมนั้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการได้จมูกที่โด่งมากแต่เนื้อจมูกมีน้อย จมูกสั้น แต่ต้องการจมูกที่ยาว โด่งพุ่ง ถ้าการใช้ซิลิโคนอย่างเดียวอาจทำให้เสี่ยงที่จะเกิดการทะลุของปลายจมูกได้ จึงต้องมีการนำกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกอ่อนซี่โครง มาตกแต่งเสริมปลายจมูกให้ได้ทรงตามที่คุณพอใจ แต่การทำศัลยกรรมเสริมจมูกด้วยวิธีการใช้กระดูกอ่อนก็มีทั้ง ข้อดีและข้อเสีย เช่นกัน แต่ที่สำคัญคือต้องรักษาดูแลให้ถูกต้อง
ข้อดี ทำให้ได้จมูกทรงโด่งสวยธรรมชาติมากกว่าการใช้ซิลิโคนได้ปลายที่พุ่ง ทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น ลดปัญหาจมูกทะลุ ลดการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากใช้กระดูกอ่อนของตัวเองไม่ใช่สิ่งแปลกปลอม และการเสริมโดยใช้กระดูกซี่โครงสามารถบิดจมูกได้จริง
ข้อเสีย เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการทำนานและต้องมีการทำอย่างละเอียดอ่อน จึงมีค่าใช้จ่ายสูงมาก การบวมช้ำมากกว่าซิลิโคนและอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่ายกว่า และแผลจะมีด้วยกันถึง 2 ที่ ด้านหลังหูและที่จมูก หรือในกรณีที่ใช้กระดูกซี่โครงจะมีแผลบริเวณซี่โครงเพิ่มมา และข้อเสียของกระดูกซี่โครงคือ อาจทำให้เกิดอาการกร่อนของกระดูกหรือถูกดูดซึมได้ในเวลาหลายปี
การดูแลรักษาแผล ที่ถูกต้อง
วิธีการดูแลรักษา หลังจากผ่าตัดเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูหรือกระดูกอ่อนซี่โครงเสร็จควรประคบเย็นด้วยแผ่นเจลเพื่อลดอาการบวมช้ำประมาน 3-4 วัน และหลังจากนั้นให้ประคบอุ่นด้วยแผ่นเจลเพื่อลดอาการบวมของจมูกประมาน 1 อาทิตย์ และในช่วงแรกที่เพิ่งผ่าตัดเสร็จจะมีเลือดซึมออกที่บริเวณแผล ให้ใช้น้ำเกลือซับเบาๆ เพื่อไม่ให้แผลเกิดเชื้อโรคหรือติดเชื้อ ใน 3 วันแรก จะเกิดอาการบวมควรนอนหมอนสูงและใช้หมอนรองคอจะช่วยได้เป็นอย่างดี เพื่อป้องกันไม่ให้จมูกเบี้ยวขณะที่หลับ ทานยาตามที่แพทย์สั่ง ที่สำคัญควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และของแสลงทุกชนิดเพื่อให้แผลหายบวมเร็วขึ้น เนื่องจากการผ่าตัดกระดูกอ่อนหลังหูจะทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่าย
วิธีรักษาแผลที่บริเวณหลังหู
ห้ามโดนน้ำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากให้เกิดแผลเป็นที่หลังหูควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาแผลเป็นได้
ที่สามารถใช้ได้ทันทีหลังผ่าตัดเสร็จ
วิธีรักษาแผลบริเวณใต้ราวนม
การผ่าตัดนี้อาจจะมีอาการอักเสบ ติดเชื้อ อาการปวดระบมแผลหลังการผ่าตัดซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ควรทานยาฆ่าเชื้อและยาแก้ปวดตามที่แพทย์สั่ง หลังจากการผ่าตัดอาจจะเกิดแผลปูดนูนบริเวณที่โดนเลาะซี่โครงไป อาจจะมีอาการคันหรือเจ็บแผล โดยส่วนมากแผลนี้จากเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดประมาณ 3-6 เดือน สามารถรักษาได้โดยการฉีดยาละลายแผลปูดนูนด้วยตัวยากลุ่มสเตียรอยด์
ข้อควรระวังอย่างมาก
หลังจากครบ 7 วันหลังจากการเสริมจมูก ตัดไหมแล้วควรหลีกเลี่ยงใส่แว่นตาอย่างน้อย 3-6 เดือนเพื่อป้องกันไม่ให้จมูกเบี้ยวผิดทรง หลังจากนั้นจมูกจะเข้ารูปทรงประมาน 1 ปี เป็นอย่างต่ำ เพราะ3-6 เดือนจมูกจะยังคงบวมอยู่เล็กน้อยและ ที่สำคัญควรทา Stratamed เป็นประจำ