นอกจากการศัลยกรรมจมูกที่เป็นที่ยอดนิยมแล้ว การจะได้ใบหน้าที่สวยแบบครบต้องมีองค์ประกอบของใบหน้าที่สมดุลกัน หลายคนอาจจะมองข้ามในส่วนของคางไปแต่รู้หรือไม่การมีคางที่รับกับจมูกนั้นจะทำให้ใบหน้าสมบูรณ์แบบมากขึ้น เพราะการศัลยกรรมคางช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวและดูเด็กลงหรือหน้าดูละมุนมากขึ้นนั้นเอง
การผ่าตัดเสริมคาง มีกี่แบบ ??
สัดส่วนของใบหน้าของเรานั้นจะต้องมองจากด้านข้าง คางควรจะเป็นแนวเดียวกันกับจมูก การเสริมคางนั้นเหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าทรงกลม หรือเรียกได้ว่ามีใบหน้าที่ไม่สมส่วนกัน ยกตัวอย่างผู้ที่มีหน้าผากหรือโหนกแก้มยื่นออกมา แต่คางมีรูปแบบสั้นทำให้หน้าดูไม่มีมิติ การผ่าตัดเสริมคางนั้นจึงจำเป็น ถ้าหากคุณต้องการมีใบหน้าที่สวยเป๊ะ
เสริมคางด้วยซิลิโดน การผ่าตัดเสริมซิลิโคนจะแบ่งได้หลักๆเป็นสองแบบ
– เสริมคางด้านนอกช่องปาก จะเป็นการผ่าไปที่ใต้คางโดยการใช้เลเซอร์ ซึ่งแผลจะมีขนาดเล็กมาก การผ่าตัดวิธีนี้จะสามารถปรับรูปคางวางองศาของคางได้ง่ายทำให้ได้คางที่สมดุลกับใบหน้า โดยแพทย์จะวางซิลิโคนในแนวเฉียงเพื่อปรับให้รูปหน้าดูเรียว และลดโอกาสคางเบี้ยวอีกด้วย แผลจะจางหายภายใน 1-2 เดือนหากมีการใช้ยารักษารอยแผลเป็นร่วมด้วยก็จะหายเร็วมากขึ้น
– เสริมคางด้านในช่องปาก เป็นการลงแผลในบริเวณช่องปาก แผลจะอยู่ที่ด้านในของปากบริเวณระหว่างซอกของริมฝีปากล่างด้านในกับเหงือก แพทย์จะทำการผ่าตามขนาดของซิลิโคนวางลงไปบริเวณขอบล่างของคาง ให้ได้ตำแหน่งที่ต้องการ และจะทำการเย็บด้วยไหมละลาย ซึ่งการผ่าตัดโดยวิธีนี้จะเป็นที่นิยมอย่างมากเนื่องจากไม่ทำให้เกิดแผลภายนอกและยังบวมช้ำน้อย แต่จะต้องดูแลแผลในช่องปากเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
เสริมคางด้วยการผ่าตัดเลื่อนคาง เป็นการผ่าตัดเลื่อนกระดูกขากรรไกร เพื่อเพิ่มขนาดของคาง ทำให้คางดูเรียว ลดความกว้างของคาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้น ในกรณีที่คางถอยเข้าไป จะไม่สามารถเสริมด้วยวัสดุเสริมคางที่หนากว่า 5 มิลลิเมตรได้เพราะจะทำให้คางเบี้ยวไม่ได้รูปแพทย์จะต้องตัดกระดูกคางและเลื่อนออกมาด้านหน้า จัดให้ได้แนวที่พอดีกับกราม และยึดด้วยลวดหรือเพลตและเย็บปิดด้วยไหมละลาย วิธีนี้นอกจากจะเสริมทำให้คางให้เรียวสวยแล้วยังรักษาอาการนอนกรนได้อีกด้วย เพราะการผ่าตัดชนิดนี้จะทำให้ช่องลมทางเดินหายใจเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้หายใจสะดวก แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงและต้องใช้การพักฟื้นที่นานเช่นกัน
เสริมคางด้วยฟีลเลอร์ ฟีลเลอร์คือสารชนิดหนึ่งที่มีความหนืด เป็นสารที่ใช้ในการเติมเต็มบนใบหน้าซึ่งสารนี้จะไม่อยู่ถาวร เพราะจะถูกดูดซึมและสลายไปเองในช่วงเวลา1-2 ปี สารส่วนใหญ่ที่ใช้เป็น ไฮยาลูลานิค แอซิด เป็นสารที่พบได้ในชั้นใต้ผิวหนัง โดยจะใช้การฉีดเข้าไปที่คางเพื่อปั้นให้เป็นรูปคาง และเป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไม่มาก แต่วิธีนี้ถ้าเจอฟิลเลอร์ ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้มีโอกาสไหล และทำให้คางเบี้ยวได้ และหากเกิดการอักเสบจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากในการนำฟีลเลอร์ที่ซึมไปกับผิวหนังออก
เสริมคางด้วยไขมันตัวเอง การปรับรูปหน้าด้วยการฉีดไขมันหรือการนำไขมันในส่วนที่เราไม่ต้องการมาเติมเต็มส่วนที่ขาดบนใบหน้า ซึ่งสามารถปรับได้ทุกส่วนบนใบหน้า และการฉีดไขมันที่คางจะช่วยใบหน้าดูเรียวขึ้น แพทย์จะทำการฉีดยาชาเฉพาะส่วนที่ต้องการดูดไขมัน โดยทำการเปิดแผลที่หน้าท้องหรือต้นขาประมาณ 1/2 ซม แล้วดูดไขมันเพื่อนำมาฉีดที่คาง ซึ่งการฉีดไขมันคางจะไม่เห็นผลโดยทันทีแต่จะต้องใช้เวลาพักฟื้น ประมาณ 1-2 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล
การรักษาดูแลหลังผ่าตัด
– การดูแลหลังผ่าตัดนั้นไม่ได้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเหมือนการทำศัลยกรรมอย่างอื่นเพียงแค่ ทานยาแก้อักเสบ และ ยาฆ่าเชื้อให้หมด ตามที่แพทย์สั่ง และทายารักษาแผลเป็นเพื่อให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้นด้วย Stratamed
– หลังผ่าตัดจะมีอาการบวมจึงต้องประคบเย็นอย่างน้อย 48 ชั่วโมงและหลังจากนั้นให้ประคบอุ่นตามเรื่อยๆ จนอาการบวมดีขึ้น
– นอนศรีษะสูงเพื่อลดอาการบวม อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง เพราะอาจทำให้คางเสียรูปทรงได้
– ในกรณีที่ผ่าด้านในช่องปากให้บ้วนปากด้วยน้ำสะอาด น้ำเกลือ ทุก 2-3 ชั่วโมงและทุกครั้งหลังอาหารประมาณหนึ่งสัปดาห์ ไม่ควรเอาลิ้นดุนหรือใช้มือดึงไหมที่อยู่ในปาก
– การรับประทานอาหารหลังการศัลยกรรมนั้น ควรทานอาหารรสอ่อนไม่เผ็ดหรือเค็มเกินไป ไม่ควรทานอาหารดิบหรือของหมักดองเพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก และต้องเป็นอาหารที่ เคี้ยวได้ง่ายเพื่อป้องกันการอักเสบบริเวณแผลผ่าตัด
ข้อห้ามในช่วงระยะแรกไม่ควรเล่นกีฬาที่ใช้ความรุนแรงที่ก่อให้เกิดแรงกระทบกับคาง เช่น ต่อยมวย วิ่ง เพราะอาจจะทำให้คางเบี้ยวผิดรูปทรง และอาจเกิดการอักเสบได้ หรือสำหรับคนที่ต้องแต่งหน้าสามารถแต่งได้ตามปกติแต่ต้องระวังไม่ให้ของแข็งกระแทกที่คาง